57. สอนตนเองเสียก่อน

ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

๕๗. สอนตนเองเสียก่อน
วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๑

ใกล้เข้าพรรษาแล้ว องค์ไหนซึ่งพวกหมู่เพื่อนองค์ใดชอบนิสัยใจคอ ชักชวนไปจำพรรษาในที่ต่างๆก็แล้วแต่ ผมไม่ได้จัดแจกในพรรษานี้ หมู่เพื่อนองค์ใดเห็นดีเห็นชอบเข้ากันได้ก็ไป ไปอยู่ด้วยกัน คือว่าถ้าหากนิสัยใจคอไม่ถูกต้องกัน ไปอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ดีไม่สงบ

ออกพรรษาก็ได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ได้ไปเที่ยวมามากมายแล้วตามอำเภอใจ ชอบใจอย่างใดก็ไป ชอบเที่ยว ชอบสนุก ชอบภาวนา อะไรก็ไปหมดแล้ว คราวนี้เข้าพรรษาต้องไปอยู่จำกัด อยู่เพื่ออบรมตน ฝึกฝนตน ส่วนคนอื่นน่ะแล้วแต่เราจะสอน ความเป็นจริงต้องสอนตนเองเสียก่อน แล้วจึงค่อยสอนคนอื่น เราปฏิบัติอย่างไร? เรารู้อย่างไร? เราเข้าใจอย่างใด? การสอนคนอื่นก็ไม่ใช่ไปตั้งหน้าตั้งตาสอนแต่คนอื่น เราปฏิบัติเห็นดีเห็นชอบ เห็นว่าเป็นธรรมเป็นวินัย เห็นคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นธรรมเป็นวินัย เราก็เอาอันนั้นแหละมาสอน

ไม่ยากหรอกสอนคน ถ้าเราสอนตนเองได้แล้วมันไม่ยาก เว้นแต่เราไม่สอนตนเอง ที่เราไม่สอนตนเองนั่น อยู่เฉยๆไม่รู้เรื่องรู้ราว อยู่เฉยๆเรื่อยไป ตนเองก็ไม่รู้ คนอื่นก็ไม่รู้ ก็เลยไปทราบว่าจะเอาอะไรไปสอน

เราเห็นตัวของเราเข้าใจตัวของเราดีแล้ว สอนตัวของเราให้รู้สึกเห็นดีเห็นชอบ เราจึงเอาอันนั้นแหละไปสอนคนอื่น มันก็ได้ความเข้าใจน่ะซี ที่สอนเขาไม่เข้าใจก็เพราะเหตุที่เราไม่เข้าใจตัวเราเอง เราบวชในพระพุทธศาสนาชีวิตเราเนื่องด้วยชาวบ้าน เมื่อเขาเดือดร้อนวุ่นวายเราควรสงเคราะห์เขา เขานับถือพระพุทธศาสนาเขาเห็นคุณเห็นประโยชน์ เขาจะได้เลื่อมใสศรัทธายิ่งๆขึ้น พระพุทธศาสนานี้เป็นของยากลำบากอยู่เหมือนกันที่จะเข้าใจ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องชาวบ้านละ พระเรานี้ก็เอาเถอะ ที่จะเห็นพระพุทธศาสนามีคุณค่าจริงๆจังๆ เป็นของมีประโยชน์จริงๆจังๆสามารถบำบัดทุกข์ความเดือดร้อนได้มันยากนัก ผู้ยังไม่เข้าถึงศาสนามีมากมาย ถึงพระเราก็ดีเพราะเหตุเราไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติ ได้สั่งสอนอบรมเรื่องเหล่านั้นกันมามากมายแล้ว ก็ยังไม่เข้าถึงยังไม่ซาบซึ้งถึงศาสนา

พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นของดีอย่างใด เป็นของเลิศประเสริฐที่สุดในโลกอันนี้ไม่มีอะไรที่จะเหมือน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่พวกเรายังไม่เห็นเป็นของเลิศประเสริฐ เห็นเป็นของเล่นๆ เลยศึกษาไม่เข้าใจ

มูลของศาสนาเบื้องต้น เกิดจากจิตจากใจ จิตใจเป็นบ่อเกิดของพุทธศาสนา โลกอันนี้เป็นของวุ่นวี่วุ่นวายแต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาที่ใจ พุทธะเกิดที่ใจ ใจมันเข้าถึงผู้รู้แล้วก็เข้าถึงพุทธะ พุทธะคือผู้รู้คือผู้เห็น เห็นเหตุเห็นผลเห็นเรื่องราวต่างๆ เห็นสิ่งแวดล้อมเรื่องใจนั้น เช่น เห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง มันเกิดจากใจนั้น เมื่อความโลภ ความโกรธ ความหลง มันเกิดขึ้นมาแล้ว พระพุทธเจ้าก็เกิดขึ้นมาจากความโลภ ความโกรธ ความหลง อันนั้นละ เห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง จึงค่อยเป็นพุทธะ กิเลสมันเกิดจากนั้น ไม่ใช่เกิดที่อื่น

เราปฏิบัติฝึกหัดตามพระองค์ ครั้นไปเห็นเรื่องใจ คือบ่อเกิดแห่งพุทธศาสนา คือคำสอนของพระพุทธเจ้า เราก็ละความโลภ ความโกรธ ความหลงได้ ไม่มีอะไร กิเลสทั้งหลาย อายตนะ ขันธ์ห้า ทั้งปวงหมด มันออกไปจากนั่นทั้งนั้น ไม่มีใจแล้ว ไม่มีขันธ์ห้าที่จะต้องชำระหรอก กิเลสทั้งหลายร้อยแปดพันประการมันเกิดจากใจอันเดียว กิเลสมันเกิดที่ใจ พระพุทธเจ้าก็ชี้ลงที่ใจน่ะซี ที่พระองค์ทรงรู้ก็รู้ที่ใจ ครั้นรู้ใจแล้วก็รู้กิเลสทั้งปวงหมด ของพรรค์นั้นจะไปถืออะไร ของภายนอกถือภูตผีปีศาจ เชื่อมนต์คาถาอาคมทั้งปวง ครั้นถ้าเกิดจากใจแล้ว มันจะไปถืออะไรนอกจากใจนั่น จับเอาที่ใจนั่นให้มันแน่นแฟ้น มันก็รู้ขึ้นมาน่ะซี

อันนี้ใจก็ยังไม่รู้จัก ไม่ทราบว่าอะไร ไปค้นคว้าหาที่ไหนก็ไม่ทราบ ไม่เห็นตัวใจสักที ไม่เห็นตัวใจก็ไม่เห็นพุทธศาสนา เหตุนั้นศาสนาอย่าเข้าใจว่าอยู่ในที่อื่น ตัวพระสงฆ์ ภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ครั้นถ้าไม่มีใจแล้วมันก็ไม่มีทั้งนั้นแหละ มีใจมันจึงค่อยแต่งให้เป็นรูป กรรมตกแต่งขึ้นมาให้เป็นรูปหญิง รูปชาย รูปพระรูปเจ้าตกแต่งให้เป็นภิกษุสามเณร กรรมมันตกแต่งให้เป็นต่างๆนานา ก็เพราะใจมันเข้าไปครอบครองในรูปอันนั้น เมื่อกิเลสมันครอบงำแล้วก็ไม่เห็นใจน่ะซี จึงต้องบุกเบิกเข้าไปหาใจ เห็นใจแล้วก็เห็นของพวกนั้น

แต่ว่าศาสนาตั้งอยู่ที่ใด? ตั้งอยู่ที่ใจ ถ้าหากไม่มีกิเลสก็ไม่มีพระพุทธเจ้าหรอก เมื่อมีกิเลสจึงค่อยมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมา จึงควรเพิกถอนกิเลสนั้นออกจากใจ พระพุทธเจ้าเกิดที่นั่น พุทธะความเป็นจริงไม่ใช่พุทธะ เจ้าชายสิทธัตถะราชกุมาร เมื่อเกิดความรู้ขึ้นมาทีแรกเขาถึงเรียกว่าพุทธะ ชาวโลกเขาเรียกว่าพุทธะมันมีหลายเรื่องหลายชื่อพระชินสีห์ พระศากยมุนี พระโคดมบรมครูฯ อะไรต่างๆหลายเรื่อง เรื่องพระเจ้าสิทธัตถะเดิมก็เลยหายไป เพราะความตรัสรู้อันนั้นนั่นเองเบิกบานขึ้นมาจากใจ แล้วก็ให้นามสมัญญาไปต่างๆนานา แต่พระพุทธะเจ้าท่านทรงเรียกว่าเราตถาคต ไม่ได้เรียกอื่นไกลตามสมมติบัญญัติที่โลกเขาเรียกพระองค์

แท้ที่จริงพุทธะก็เกิดที่ใจเกิดจากใจ เพราะการปฏิบัติบำบัดเรื่องต่างๆออกจากใจ ทำให้ผ่องใสสะอาด ชำระให้หมดจดจากใจ เหตุนั้น ใจจึงเป็นของสำคัญที่สุด ถ้าปฏิบัติเข้าถึงใจเมื่อไรจึงจะเห็นใจเมื่อนั้น เป็นพุทธะเมื่อนั้น ถ้าไม่ถึงใจแล้วยังไม่ถึงพุทธะหรอก เอาละ

[จบ โอวาทหลังปาติโมกข์ 57. สอนตนเองเสียก่อน]