48. การเตรียมพร้อม

ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

เราต้องประกอบกิจภายในใจของเรา ด้วยการมีสติอยู่ทุกเมื่อ การที่มีสติอยู่ทุกเมื่อ ทุกวัน ทุกอิริยาบถนั้น มันเป็นของหนักแน่นไม่ใช่น้อย

๔๘. การเตรียมพร้อม
วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๑

การบวชมาคล้ายกับว่าเป็นคนขี้เกียจไม่มีงานทำ ดูจากเรื่องราวที่เป็นอยู่ทุกวัน ถ้าหากไม่คิดให้ลึกซึ้ง ที่เขาพูดว่า “ขี้เกียจนักก็ไปบวชเสีย” นั้น เขาพูดก็ถูกเหมือนกัน เพราะสิ่งที่เราทำเป็นของเบาไม่ใช่ของหนัก เป็นของเบาๆ แต่เป็นของลึกซึ้ง วันหนึ่งๆเราไม่ได้ประกอบธุระหนักแน่นอย่างพวกชาวบ้าน ถ้าหากไม่คิด ก็จะเป็นอย่างที่เขาว่า ถ้าคิดลึกซึ้งเข้าไปแล้ว เราต้องประกอบกิจภายในใจของเรา ด้วยการมีสติอยู่ทุกเมื่อ การมีสติอยู่ทุกเมื่อ ทุกวัน ทุกอิริยาบถนั้น มันเป็นของหนักแน่นไม่ใช่น้อย

การปล่อยสติให้เลอะเหลิงไปตามอารมณ์ คิดนึกส่งส่ายไปนอกรีดนอกรอยนอกขอบเขตไม่ได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ไปเปล่าๆ สมกับที่เขาว่าจริง มาบวชแล้วไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเราไม่รู้จักกิจของเรา ไม่รู้จักความคิดนึกของเรา ที่คิดดีคิดชั่วคิดหยาบละเอียด ให้รู้จักหน้าที่ของพระของสมณะ ไม่ควรคิดเหลวไหล ควรคิดในสิ่งที่ชอบ เช่นการฉันอาหารอย่างนี้เป็นต้น ท่านให้พิจารณา ท่านไม่ให้ฉันเฉยๆ ให้พิจารณาเป็นธาตุ เป็นของอสุภะ ปฏิกูล สิ่งที่เราฉันเข้าไปเป็นสักแต่ว่า ธาตุเป็นสักแต่ว่า ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ประสมกันเข้ากับธาตุสี่เก่า ที่เรามีอยู่แล้วคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คือกายอันนี้ ให้มันทรงอยู่ได้ ดำรงอยู่ได้ เพื่อยังชีวิตให้เป็นไป การพิจารณาอย่างนี้พวกชาวบ้านเขาไม่เคยพิจารณา เขาพิจารณาแต่ว่า อย่างไรมันจะเอร็ดอร่อย อย่างไรมันจึงจะดีจะงาม หาเรื่องปรุงเรื่องแต่งเพื่อให้เอร็ดอร่อย เพื่อกินให้ได้มากๆ เพื่อยังชีวิตให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์

แต่พุทธศาสนาของเราไม่ใช่สอนอย่างนั้น ฉันเข้าไปแล้วเพื่อให้มีชีวิตอยู่วันหนึ่งๆ จะได้ประกอบกิจภาระในทางพุทธศาสนา นั่นจึงว่ามันเป็นประโยชน์ลึกซึ้ง ลึกมากกว่าฆราวาสเขาอีก เขากินเพื่อเอร็ดอร่อย เพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์ เมื่อตายแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร ตายทิ้งเปล่าๆ ในทางพุทธศาสนาสอนไม่ให้มัวเมา เห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นแต่เพียงว่า เป็นเครื่องบำรุงชีวิตให้เป็นไปในวันหนึ่งๆ ให้มีชีวิตอยู่เพื่อประกอบกิจในทางพุทธศาสนา มันผิดแปลกกันกับชาวบ้าน

เหตุนั้น เราต้องคิดให้มันถูก พิจารณาให้มันถูก เราบวชมา กิจหน้าที่ของเราที่จะต้องทำมีอะไรบ้าง? ออกจากการทำความเพียรแล้ว มันมีแส่ส่ายไปหลายเรื่องหลายอย่าง มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตอันเดียว จิตใจของคนมันฟุ้งซ่าน เมื่อมันฟุ้งซ่านก็อย่าให้มันส่งไปที่อื่น ให้คอยละวาง อย่าให้มันไปติดในสิ่งต่างๆ ให้มันรู้เรื่องว่าจิตของเรามันส่งออก จิตของเราไม่อยู่ในขอบเขต ก็รีบทำรีบกำหนดเข้ามาภายใน นี่เป็นหน้าที่ของเราในพุทธศาสนา บวชมาแล้วต้องมีสติควบคุม ที่มันคิดส่งส่ายออกไปภายนอก อย่าให้มันส่งส่ายออกไปได้ไกล

เราบวชมาธรรมวินัยเราต้องศึกษา เราศึกษาในธรรมวินัยสมบูรณ์แล้วหรือยัง? พระวินัยของเราเรียบร้อยแล้วหรือ? กิริยามารยาทของเราเรียบร้อยแล้วหรือยัง? ธรรมะที่เราจะต้องปฏิบัติของเราเรียบร้อยแล้วหรือ? ปฏิบัติไปๆเมื่อเพื่อนพรหมจรรย์มาถามเราจะได้ตอบให้มันถูก ให้มันสมกับที่เราเป็นพระผู้ใหญ่ เราบวชมาไม่ใช่เราจะสึกวันนี้พรุ่งนี้ บางทีอาจจะอยู่ไปนมนาน การอยู่ไปนมนานมันต้องมีภาระธุระ ให้รอบคอบรอบรู้ในธรรมวินัย การท่องปาฏิโมกข์ของเราก็ให้มันได้ ปาฏิโมกข์เป็นของสำคัญ ครั้นนานๆ ไปแล้วมันขี้เกียจเสีย อยู่ไปเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เลยเห็นว่าคนอื่นสวดแล้วก็พอแล้ว เราไม่ต้องรับภาระ อันนั้นเป็นความประมาท ผิดจากพระโดยแท้

เรื่องทั้งหมดมันต้องเตรียมพร้อมให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้า เราเตรียมพร้อมเรื่องของเราได้แล้ว ได้สมบูรณ์แล้ว เราก็อิ่มใจ พอใจ อย่างสวดปาฏิโมกข์นี้ถ้าเราสวดได้แล้วเราก็อิ่มใจพอใจ ถ้าเราไม่ได้ มันก็ระแวงแคลงใจอยู่อย่างนั้นแหละ ทำไมหนอหมู่เพื่อนทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้หนอ มันก็แคลงใจอยู่เรื่อยไป มันของควรที่จะได้ ควรที่จะศึกษา

แต่วันหนึ่งๆเราปล่อยเวลาไปเสียเปล่าๆ เวลาที่มันฟุ้งซ่านออกไปนอกจากธรรมวินัยนั้นมันมาก ที่เราตั้งสติตั้งใจรักษาจิตควบคุมจิต นี่มันน้อยนิดเดียว จึงให้พิจารณาถึงกิจธุระภาระหน้าที่ของตน เราทำประโยชน์อะไรเพื่อพุทธศาสนา? มีกิจวัตรข้อวัตรเพื่อธรรมวินัย กิจวัตรข้อวัตรเพื่อหมู่คณะ กิจวัตรภาระธุระเพื่อหมู่สงฆ์ มันหลายเรื่องหลายอย่าง หน้าที่ของเราไม่ใช่อยู่เฉยๆ หากไม่ได้คิดอันนั้นแล้วมันก็เป็นเต่า เป็นเต่าในหมู่คณะ เพราะเราไม่ได้คิดพิจารณา ไม่รู้สึกว่าเรามีอะไรอยู่ในตัวของเราบ้าง

จึงว่าควรพิจารณาให้มันรอบคอบรอบรู้ในตัวของตน กิจหน้าที่เรา เราทำได้แล้วหรือยัง? เช่นวันพระวันศีลนี่แหละ เรารับภาระธุระหมู่เพื่อนได้ไหม? ให้รับแขกรับคนได้ไหม? อันส่วนที่เราทำได้เรียกว่าเป็นประโยชน์แก่หมู่แก่ตน คนที่นิยมนับถือเขาก็นิยมขึ้นมาก นับถือมาก เพราะเหตุที่เราสามารถทำหน้าที่ได้ กล้าหาญทำหน้าที่ได้ เป็นประโยชน์แก่ตนและคนอื่นอีกด้วย พิจารณาให้รอบคอบรอบรู้ อย่าไปอยู่นิ่งเฉยๆ นอนเฉยๆไม่ได้ เอาละ

มันต้องเตรียมพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ในกิจภาระหน้าที่ทั้งปวงหมด ถ้าเราเตรียมพร้อมของเราได้สมบูรณ์แล้ว เราก็อิ่มใจ พอใจ ถ้าเราไม่ได้มันก็แคลงใจอยู่นั่น

[จบ โอวาทหลังปาติโมกข์ 48. การเตรียมพร้อม]