46. การท่องบทสวดมนต์

ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ออกพรรษาแล้วก็มีเวลาหลายเดือนอยู่ ให้พากันตั้งใจท่องสวดมนต์สวดพร เรายังท่องไม่ได้ ให้เห็นความบกพร่องของตน ไม่ว่าบวชเก่าบวชใหม่

๔๖. การท่องบทสวดมนต์
วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๙

ออกพรรษาสอบนักธรรมแล้ว มีเวลาที่จะต้องท่องสวดมนต์สวดพร ก็รีบท่องเสีย ตักเตือนเณรน้อย เณรที่มาอยู่ด้วยต้องอบรมตักเตือนกันด้วย ในกลางพรรษาต้องเรียนนักธรรม สอบนักธรรม จึงไม่มีการท่องบ่นสวดมนต์ เวลาออกพรรษาแล้วก็มีเวลาหลายเดือนอยู่ ให้พากันตั้งใจสวดมนต์สวดพร เรายังท่องไม่ได้ ให้เห็นความบกพร่องของตน ไม่ว่าบวชเก่าบวชใหม่ การที่สวดมนต์ไม่ได้ก็อับอายขายขี้หน้าหมู่เพื่อนอายตนเองด้วย เราบวชเข้ามาศึกษาเล่าเรียน ถ้าหากว่าไม่มีการท่องบ่นสวดมนต์มาอยู่เปล่าๆเฉยๆ ก็ขาดกิจวัตรข้อวัตรเหมือนกัน

ท่องสวดมนต์แล้วยังจะต้องหัดอีก หัดทั้งมคธ หัดทั้งร้อยแก้ว หัดทั้งสังโยค ให้มันได้ทั้ง ๓ อย่าง เพราะเราบวชมาแล้วมันจะต้องสังคมในทุกหมู่ทุกคณะ เมื่อเราอยู่ป่าไม่มีการสังคมก็ดูว่าดี แต่เวลาเข้าสังคมแล้วจะเห็นความบกพร่องของตนเองนั่นแหละ เห็นความขาด ความบกพร่องของตน ตอนนั้นแหละ เวลานั้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

ผมเคยพูดเสมอ แต่ก่อนผมหัดสวดมนต์สวดพรได้ สวดมคธก็ให้มันได้ สวดร้อยแก้วก็ให้มันได้ สวดสังโยคก็ให้มันได้ สวดสังโยคก็ต้องรู้จักวรรครู้จักตอนรู้จักตัวอักษร ท่องบ่นจดจำให้มันได้แน่นอนในใจ แล้วเราว่าสวดมนต์มันจึงค่อยถูกเป็นวรรคเป็นตอนของการสวดมคธ ของการสวดสังโยค อันนี้การสวดมคธก็เป็นร้อยแก้วไปเสีย บทสวดสังโยคเป็นร้อยแก้วไปเสีย ไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร สุ่มสี่สุ่มห้าไปหมด มคธก็ให้มันเป็นมคธซี สังโยคก็ให้มันเป็นสังโยค ร้อยแก้วก็ให้มันเป็นร้อยแก้ว

ศาสนาสมัยเดี๋ยวนี้ไม่เหมือนสมัยพวกผมแต่ก่อน อยู่ในป่าในเถื่อนไม่มีการสวดมนต์สวดพร แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังพยายามท่องบ่นจดจำสวดมนต์เรียกว่าได้พอสมควร มาสมัยเดี๋ยวนี้มีการสังคมกว้างขวาง มันเข้าถึงในบ้านใหญ่เมืองใหญ่ เข้าถึงในพระราชวังนั่นซ้ำอีก นักปกครองนักบริหารหมู่เพื่อน มันต้องดูแลเรียบร้อยทุกอย่าง เห็นว่าตนดีอยู่เรื่อยไป นั่นไม่ใช่ มันไม่ถูก เห็นความบกพร่องของตน มันจึงจะขยันหมั่นเพียร มันจึงจะพยายามทำคุณงามความดี พยายามที่จะศึกษาในสิ่งที่ตนเองบกพร่อง

การทำวัตรมันต้องมีการสวดมนต์ ทุกๆปีเราสวดปาฏิโมกข์ลงท้ายด้วยสวดมนต์ เดี๋ยวนี้เราสวดปาฏิโมกข์ได้หลายท่านหลายองค์ องค์ใดที่สวดปาฏิโมกข์ยังไม่ได้ ก็พยายามที่จะได้ มันก็ได้อย่างที่เป็นมา ถ้าไม่พยายามสวดปาฏิโมกข์สวดท้ายสวดมนต์แล้ว มันก็แล้วเท่านั้นล่ะ ปาฏิโมกข์มันเป็นของจำเป็นส่วนตัว ครั้นถ้าหากสวดมนต์ได้คล่องทุกบท ทุกหมวดที่ท่านใช้ในการสวดมนต์ในตำราแบบหลวงก็ดี แบบราชการก็ดี ก็ให้ได้คล่องแคล่วทั้งมคธและร้อยแก้ว มันกล้าหาญอาจหาญอยู่เสมอ

เหมือนกับเราที่ได้ปาฏิโมกข์ คนอื่นสวดมันก็สนใจอยู่เสมอ อยากขึ้นสวดเห็นว่าตนได้ เหมือนกันสวดมนต์ก็ดี ครั้นสวดได้มันก็ขยันหมั่นเพียร มันใช้สวดอยู่เสมอ อันนี้ไม่เป็นอย่างนั้น เห็นเขาสวด เราก็นึกว่ามันจะได้หรือไม่ได้หนอ มันจะคาหรือจะติดหนอ มันสงสัยลังเลอยู่อย่างนั้น ใจมันไม่ได้กล้าหาญเด็ดเดี่ยว การทำความเพียรภาวนาก็เป็นไปในนั้นล่ะ เราท่องสวดมนต์สวดพร เป็นคำบริกรรมไปในตัว บางคนอ้างว่าเราสวดมนต์ท่องมนต์แล้วภาวนาไม่ได้ อันนั้นคนภาวนาไม่เป็นหรอกจึงอ้างอย่างนั้นถ้าภาวนาเป็นต้องเป็นหมด เราตั้งใจต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แน่วแน่ในศีลในธรรม ในคำสอนของพระพุทธเจ้า เราท่องสวดมนต์สวดพร ก็ได้ชื่อว่าเราทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในใจของตน เอาคำสวดมนต์นั่นแหละเป็นคำบริกรรม มันก็เป็นไปน่ะซี อันที่ผู้อ้างนั้นน่ะมันไม่ได้สักที ภาวนาก็ไม่เป็น สวดมนต์ก็ไม่ได้ ไม่ได้สักอย่าง

แต่ผู้ภาวนาได้มันไม่ใช่อย่างนั้น สวดมนต์เขาก็ได้อยู่ เรียนนักธรรมเขาก็เรียนอยู่ ภาวนาก็เป็นไปเอง ครั้นภาวนาเป็นแล้วมันเป็นหมดนั่นแหละ มีการริเริ่มอยู่เสมอ ในทางราชการก็เหมือนกัน ในทางฆราวาสที่เขาหาอยู่หากินก็เหมือนกัน มีการริเริ่ม อันนั้นก็ยังจะต้องทำ อันนี้ยังจะต้องทำ กิจอันนั้นก็จะต้องทำ ธุระอันนั้นก็ยังจะต้องทำ มันริเริ่มอยู่อย่างนั้น มันก็เลยลืมวันลืมคืนไป ในการอาชีพของเขาเลี้ยงชีวิตวันหนึ่งล่วงๆไป มันก็เลยลืมไป

ในส่วนภาวนาก็เหมือนกัน มีการริเริ่มอยู่เสมอในการที่เราปฏิบัติฝึกหัด ตอนนี้เราปฏิบัติได้แค่ไหน? ยังมีส่วนที่จะต้องฝึกหัดอีก มีอะไรบ้าง? เราฝึกหัดมาแล้วมันรวบรวมได้หรือยัง? แล้วยังจะต้องฝึกอีกต่อไปนั่น จะเอาอะไรอีกต่อไป? ติดต่อแนบเนื่องกันไป มันต้องคิดอย่างนี้เสมอ อย่างฝึกหัดคำบริกรรมได้แล้ว เราได้ชำนาญไหม? เราฝึกหัดชื่อว่าเราภาวนา เราภาวนาชำนาญแล้วหรือยัง ถ้าไม่ชำนาญเราก็ขยันหมั่นเพียร อุบายอันใดที่เราพิจารณาอยู่นั้น เราชำนิชำนาญแล้วหรือยัง? คล่องแคล่วแล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่คล่องแคล่ว มันยังขาดตกบกพร่อง มันยังต้องทำอีกอยู่ อันนั้นจะต้องรีบเร่งกระทำให้ชำนิชำนาญเสีย

ครั้นที่จะทำต่อไป เรายังไม่ได้ทำอะไร? อะไรที่เรายังไม่ได้พิจารณา อะไรที่เรายังไม่คล่องแคล่ว อันใดที่เรายังไม่ชำนิชำนาญ มันต้องพยายามทำอันนั้นให้มันชำนิชำนาญ ริเริ่มปรากฏอยู่ในใจ มันก็ขยันพยายามน่ะซี ไม่ใช่มาอยู่เฉยๆ ให้มันนิ่งนอนใจอยู่เฉยๆ ไม่ปรากฏอะไรเลย มันก็ตื้ออยู่อย่างนั้นแหละ มันไม่ไปไหนหรอก มันต้องมีการริเริ่ม มันจึงจะขยันหมั่นเพียร เอาละ

ในส่วนภาวนาก็เหมือนกัน มีการริเริ่มอยู่เสมอในการที่เราปฏิบัติฝึกหัด ตอนนี้เราปฏิบัติได้แค่ไหน ?

[จบ โอวาทหลังปาติโมกข์ 46. การท่องบทสวดมนต์]