26. หาความวิเวกในความไม่วิเวก

ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

บวชเข้ามาเพื่อต้องการหาความสงบ ต้องการละ ทิ้ง ถอน สิ่งทั้งปวงหมด จึงค่อยเข้ามาบวช พอมาบวชแล้วก็ยังไม่สงบอยู่ หากันอย่างนั้นละตลอดเวลา มันก็ไม่ถึงความสงบสักที หาไม่เจอ ของนิดเดียวเท่านั้น หาไม่เจอสักที

๒๖. หาวิเวกในความไม่วิเวก
วันที่ ๑๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘

เราพากันมาหาความวิเวกในความไม่วิเวกลองดู ใครก็ไปแสวงหาแต่ที่ในป่าในดง เที่ยวไปในที่ต่างๆ ต้องการหาความสงบสงัด ต่างก็ต้องการความวิเวก ในที่นี้เรียกว่าที่ไม่วิเวก ในที่นี้เรียกว่าที่ไม่สงบ จึงค่อยออกไปหาที่อื่น คราวนี้เราต้องมาหาวิเวกภายในลองดูในความไม่สงบ หาวิเวกในที่ไม่สงบ ไปที่ใดก็ตามเถอะตามสถานที่ต่างๆ ความไม่สงบต้องเกิดจากภายในของเราทั้งนั้น ที่ไปในที่ต่างๆ ไปเพลิดไปเพลินสนุกสนาน ออกจากตัวของเราทั้งหมด ถ้าตัวของเราเพลิดเพลินตัวของเราไม่สงบแล้ว มันก็ไม่สงบอย่างเก่า

อะไรที่มันไม่สงบ? อาตายนะทั้ง ๖ นี่แหละมันไม่สงบ ตาก็ไม่สงบ หูก็ไม่สงบ จมูก ก็ไม่สงบ ลิ้น กาย ใจ ก็ไม่สงบ ไปในที่ต่างๆ ยิ่งเห็นสิ่งสารพัดแปลกประหลาดไป ยิ่งตื่นเต้น เลยไม่สงบสักที ไปถูกอากาศที่ไม่ดีมันกระทบกระเทือนเข้า หรือไปถูกอากาศที่ดีมันกระทบกระเทือนเข้า มันสงบเยือกเย็นลงไป มันก็อยู่ที่ตัวของเรานี่ทั้งนั้น เพราะตัวของเราไปถูก ตัวของเราไปติง เราพิจารณาไม่ถูกเรื่องกันน่ะ ก็เลยไปกันใหญ่

เสียง ก็เช่นเดียวกัน เสียงดี เสียงชั่ว เสียงหยาบเสียงละเอียดมี อิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ มันเกิดจากตัวของเราทั้งนั้น แม้อยู่ในป่าที่ไม่มีเสียงเลย เสียงมันยังปรากฏขึ้นมาให้ได้ ภาษาใหม่เขาเรียกว่า “ใต้สำนึก” อันนั้นมันเกิดขึ้นมาไม่รู้ตัว เสียงใต้สำนึกมันเกิดขึ้นมาไม่รู้ตัว เราไม่สงบไม่อบรมให้มันอยู่คงที่แต่เบื้องต้นแล้วมันก็เกิดอยู่นั่นแหละ

กลิ่น ก็เหมือนกัน กลิ่นเหม็นกลิ่นหอม กลิ่นอะไรต่างๆมันเกิดจากจมูกของเรา ถ้าหากจมูกของเรามันสำรวมดีแล้ว กลิ่นอันนั้นมันมากระทบ มันไม่หลงไม่เพลิน

รสชาติ ก็อันเดียวกัน มันเกิดจากลิ้นไปถูกอาหารที่เอร็จอร่อย ไปถูกอาหารที่ไม่เอร็จอร่อย ก็เอาตัวนี่ละเอาตัวอันนี้ละไปผสมผสาน ว่ามันอร่อยก็เพลินสนุกสนาน มันไม่อร่อยก็หลงว่ามันไม่อร่อย น้อยใจหรือเลยไม่สบายใจ

ธรรมารมณ์ สิ่งทั้งปวงเกิดจากในใจเราทั้งนั้น จึงว่ามันไม่สงบที่ตัวของเรา

เราต้องมาค้นคว้าหาสิ่งไม่สงบนั่นน่ะ ในตัวของเราลองดู ถ้าหากว่าไปเห็นความไม่สงบในตัวของเราแล้ว คราวนี้จะสงบ ค้นคว้าในของไม่สงบกลับเกิดความสงบขึ้นมา เห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเกิด-ดับ เกิด-ดับ สิ่งทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยงจะอยู่นี่ก็ตาม ไปอยู่โน่นก็ช่าง อยู่ที่ไหนอยู่กับหมู่เพื่อนก็ตาม จะอยู่คนเดียวก็ช่าง มันเกิดขึ้นประเดี๋ยวประด๋าวก็สงบ เกิดขึ้นเดี๋ยวๆ ก็หายไป อันสิ่งเกิดแล้วหายไปนั่นน่ะ มันเป็นของไม่เที่ยง

ครั้นเห็นเป็นของไม่เที่ยงแล้ว ใจของเราไม่ไปยึด ไม่ไปยึดหลงถือ ของเหล่านั้นมันเป็นอยู่อย่างนั้นแต่ไหนแต่ไรมา จิตของเราก็จะสงบในที่นั้น สิ่งทั้งปวงที่เป็นอารมณ์ในอาตายนะทั้ง ๖ นั่นน่ะหายหมด ไม่มีในตัวของเรา นั่นแหละ ความสงบมันเกิดขึ้นในที่ไม่สงบ ในที่นั้น

ครั้นพิจารณาไม่ถึงที่เมื่อไรแล้ว ไปเถอะจะไปไหนก็ไปเถอะเท่าเก่า นอกจากนั้นอีก จะไปในที่ต่างๆ ในที่ไม่สงบ ความไม่สงบมีอยู่แล้วนั่น ไปไหนมันก็ไม่สงบเหมือนเก่า ยิ่งเพิ่มความไม่สงบเข้าไปอีก สมกับที่ไปเห็นสิ่งต่างๆ ได้ยินสิ่งต่างๆ ไปสัมผัสรสสิ่งต่างๆ ขึ้นมาสารพัดทุกอย่าง เอามาจดจำมาบันทึกไว้ในใจเลยไม่หายสักที เพิ่มพูนมากไปกว่าเก่า แทนที่มันจะลดน้อยถอยลงไป เลยกลับเพิ่มพูนขึ้นมาในตัว

เราภาวนาทำความเพียรก็เพื่อไห้มันลดลงไปถอยลงไป จนไม่มีอะไรเสียเลยนั่น มันจึงจะถึงความสงบ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์อะไรต่างๆเห็นเป็นเครื่องยุ่ง เห็นเป็นภัยเห็นเป็นโทษของการทำสมาธิภาวนา เราละสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว แล้วจะมีอะไรอีกล่ะคราวนี้ เมื่อละสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว ก็หมดเรื่อง เราก็อยู่เป็นสุขคนเดียว หาไปหามาแล้ว ความสุขอยู่ตรงนี้ ความสงบอยู่ตรงนี้ ไม่ได้อยู่ที่อื่น เหตุนั้นจึงว่าไปเที่ยวในที่ต่างๆ ไปลองดูเถอะ ไปไหนก็ไปลองดูเถอะ ถ้าจับตรงนี้ได้แล้ว สงบอยู่ตลอดเวลา ไปเที่ยวยิ่งสงบใหญ่ หาที่วิเวกยิ่งสงบ ถ้าเข้าถึงสงบตัวนี้แล้ว

ครั้นถ้าตัวนี้ไม่สงบเท่าเก่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เราจะไปหาแต่ที่วิเวกมันไม่ได้หรอก หาตลอดวันยังค่ำคืนยังรุ่ง หาจนตลอดวันตายก็ไม่พบสักที เพราะเราหาไม่ถูก ไม่รู้เรื่องของความสงบ ครั้นเห็นโทษของความไม่สงบ เบื่อหน่ายเห็นโทษเห็นทุกข์ของมันในความไม่สงบ ละทิ้งอยู่ที่นั่น มันก็เป็นความสงบเท่านั้นเอง จะไปหาที่ไหนอีก

บวชเข้ามาเพื่อต้องการหาความสงบถึงค่อยมาบวช ต้องการละทิ้งถอนสิ่งทั้งปวงหมดจึงค่อยมาบวช พอมาบวชแล้วก็ยังไม่สงบอยู่ หากันอย่างนั้นละตลอดเวลา มันก็ไม่ถึงความสงบสักที หาไม่เจอ ของนิดเดียวท่านั้นละหาไม่เจอสักที เห็นเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารไป นี่! มันจะกว้างขวางออกไป คนเรามันจะต้องกว้างขวางออกไป เกิดจากตรงนี้แหละ บานปลายไปโดยเหตุที่ ความไม่สงบ นี่แหละ ถ้าอยู่ที่ไหนมันค่อยสงบลงไป ค่อยเบาบางลงไป นั่นเรียกว่า………

จะไปที่ใดก็ตามเถิด ความไม่สงบต้องเกิดจากภายในของเราทั้งนั้น

[จบ โอวาทหลังปาติโมกข์ 26. หาความวิเวกในความไม่วิเวก]