20. รักษาฐานะของเราให้เต็มที่สมบูรณ์

ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ถ้าหากว่ารักษาศรัทธาของตนให้แน่วแน่เต็มที่ เต็มเปี่ยมอยู่เมื่อใดแล้ว อันของเล็กๆน้อยๆ…มันเป็นผลให้เกิดประโยชน์ ทําความบริบูรณ์ให้ดีขึ้นมา

๒๐. รักษาฐานะของเราให้เต็มที่สมบูรณ์
วันที่ ๖ ม.ค. ๒๕๒๘

นักปฏิบัติอย่าเพิ่งมุ่งหมายให้มันสูงเกินไป เรามุ่งหมายแต่เพียงว่าในธรรมวินัยที่เราจะต้องปฏิบัติ จะต้องประพฤติ จะต้องให้อยู่ในขอบเขตในธรรมวินัยนี้เท่านั้นก็เพียงพอก่อนคือว่า ที่เราเป็นภิกษุ สามเณร ให้รักษาฐานะของเราให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์เสียก่อน อย่าไปมุ่งเกินไป เมื่ออันนี้เต็มเปี่ยมแล้ว ให้เกิดศรัทธาพอใจเลื่อมใส ยินดียิ่งในข้อวัตรปฏิบัติ ในความประพฤติของตนนั้น อยู่ในขอบเขตของธรรมวินัยนั้น เอาเท่านั้นเสียก่อน

อุบาสกอุบาสิกาก็เหมือนกันนั่นแหละ ครั้นหากว่าเขาปฏิบัติอยู่ในขอบเขตของอุบาสกอุบาสิกา ไม่เกินขอบเขต ไม่ล่วงเลยขอบเขต และไม่ลดหย่อนต่ํากว่าอุบาสกอุบาสิกาสมบูรณ์ในข้อวัตรปฏิบัติของอุบาสกอุบาสิกา นั่นก็เรียกว่าสมบูรณ์แล้ว ธรรมวินัยอันนี้ อุบาสกอุบาสิกา ภิกษุสามเณร ต่างคนก็พากันรักษาหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์บริบูรณ์ทุกประการ นี้ก็เรียกว่าบํารุงพระพุทธศาสนา เชิดชูพระพุทธศาสนาให้เจริญงอกงามเพียงพอแล้ว อย่าไปมุ่งหมายเกินไป โดยเฉพาะภิกษุสามเณรเห็นว่า เป็นผู้ปฏิบัติเคร่งครัดหรือสูงกว่าอุบาสกอุบาสิกา จะให้ดียิ่งขึ้นไป อันนั้นเป็นความเข้าใจผิด บางทีอุบาสกอุบาสิกาปฏิบัติสมบูรณ์บริบูรณ์ในหน้าที่ของตน มีความเชื่อมั่น อาจจะถึงความบริสุทธิ์หรือถึงมรรคผลนิพพานก่อนพระก็ได้ ถ้าพระเรายังย่อหย่อนก็อาจจะไม่ถึงเขาก็ได้

เหตุนั้นจึงว่า ถ้าหากว่ามุ่งหมายปรารถนาเกินขอบเขต แต่ว่าเราไม่รักษาความดีความงาม ไม่รักษาศรัทธาความเชื่อมั่นของตนให้เต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ เมื่อปรารถนาเช่นนั้น มันเกินขอบเขตไป มันจึงได้ชื่อว่า รักษาฐานะของตนไว้ไม่ได้ เมื่อรักษาฐานะของตนไว้ไม่ได้แล้ว คราวนี้พิจารณาไป ทําไปก็เลยย่อหย่อนท้อถอย ไม่เห็นคุณงามความดีของตน ก็เลยท้อถอยย่อหย่อน ก็เลยเสื่อมศรัทธา เลยไม่เป็นผลเป็นประโยชน ์

ถ้าหากว่ารักษาศรัทธาของตนให้แน่วแน่เต็มที่ เต็มเปี่ยมอยู่เมื่อใดแล้ว อันของเล็กๆน้อยๆ ที่ว่าเราปฏิบัตินั่นแหละ เป็นของเล็กๆ น้อยๆ หรอก หากมันสมบูรณ์บริบูรณ์ทุกสิ่งทุกประการ เต็มเปี่ยมทุกประการแล้ว มันเป็นผลให้เกิดประโยชน์ ทําความบริบูรณ์ให้ดีขึ้นมา

อย่างสมมติว่า เราทํากิจวัตรเล็กๆ น้อยๆ เราปฏิบัติเล็กๆ น้อยๆ นี้ ไม่เชื่อ ไม่เลื่อมใสไม่พอใจ ไม่ยินดีมันก็เลยไร้ประโยชน์ ครั้นพอใจเลื่อมใสยินดีแล้ว เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ในใจของตน กิจวัตรอันที่ตนทําเห็นว่าเป็นกิจของตนในพุทธศาสนา เห็นว่าเราบวชในพุทธศาสนาเป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องทํา พอใจอิ่มใจ เลื่อมใสเต็มใจอย่างยิ่ง อันนั้นกลายเป็นผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ สามารถที่จะทําใจของตนให้บริสุทธิ์เต็มเปี่ยมได้

พุทธศาสนาที่สอนกิจวัตรข้อวัตรเล็กๆ น้อยๆ ล้วนแล้วแต่เป็นของมีประโยชน์ทั้งนั้นอย่างว่า ฉันอาหารอย่างนี้ พระพุทธเจ้าสอนให้พิจารณาปฏิสังขาโยฯ ก็ดี พิจารณายถาปัจจยังฯ ก็ดี ให้เห็นเป็นสักแต่ว่า ธาตุ เป็นต้น ที่คนเห็นว่าสักแต่ว่า ธาตุ อันนั้นไม่ใช่ของง่ายๆ ของตื้นนี่แหละ แต่มันไม่เห็นเป็น ธาตุ เราบริโภคอาหารเป็นสักแต่ว่า ธาตุ เพื่อบํารุงเลี้ยงร่างกาย ไม่ใช่รับประทานอาหารเพื่อให้ฟุ้งเฟ้อ เพื่อบํารุงร่างกายให้สมบูรณ์บริบูรณ์เรารับประทานเพียงแต่ว่ารักษาธาตุให้มั่นคง เพื่อรักษาพุทธศาสนาไว้ ปฏิบัติศาสนาให้มั่นคงก็เพียงพอแล้ว

มันจะดีวิเศษอะไรของธาตุๆ? เป็นสักแต่ว่าธาตุเท่านั้น ไม่ใช่ของตนไม่ใช่ของตัวไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลอะไรหมด เป็นสักแต่ว่าธาตุ ที่มันเห็นสักแต่ว่าธาตุทั้งหมดนั้น มันเป็นของดีวิเศษ มันสามารถที่จะหลุดพ้นจากความมัวเมาหลงใหลในอาหารนั้นได้ มันเป็นของสูง เท่านั้นก็ดีแล้ว ไม่ต้องเอามรรคผลนิพพานอื่นไกลหรอก นี้แหละเป็นมรรคผลนิพพาน อันนี้แหละให้ถึงมรรคผลนิพพาน ถึงเพราะเรื่องอันนี้แหละ พิจารณาให้มันถึงมันก็ถึงน่ะซี ถ้าพิจารณาไม่ถึงมันก็ไม่ถึงซักที เอาอันใดมาพิจารณามันก็ไม่ได้ ถ้ามันถึงแล้ว อันใดมันก็ถึงหมด จึงว่าไม่ใช่ของหยาบ อันเดียวกันนั่นแหละของหยาบของละเอียด ถ้าปฏิบัติถูกแล้วมันเป็นของละเอียดหมด ปฏิบัติไม่ถูกเลยกลายเป็นของหยาบ เลยเสื่อมสูญหมด ของดีๆก็เลยเสื่อมสูญหมด ไม่เป็นผลประโยชน์แก่ตนเลย เราปฏิบัติพุทธศาสนามันต้องรู้จักการปฏิบัติอย่างนี้ ให้รักษาไว้อย่างนี้มันจึงจะมั่นคง

ธรรมวินัยอันนี้ อุบาสกอุบาสิกา ภิกษุสามเณร ต่างคนก็พากันรักษาหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์บริบูรณ์ทุกประการ นี้ก็เรียกว่าบํารุงพระพุทธศาสนา เชิดชูพระพุทธศาสนาให้เจริญงอกงามเพียงพอแล้ว

[จบ โอวาทหลังปาติโมกข์ 20. รักษาฐานะของเราให้เต็มที่สมบูรณ์]