02. ปฏิบัติอย่างจริงใจจริงจัง

ธรรมเทสนา ชุด โอวาทหลังปาติโมกข์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

เราเป็นผู้อยู่ในศาสนา ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ ให้เต็มกำลังสักหน่อย… อย่าทอดทิ้งอย่าปล่อยวาง ปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะแท้ๆ เอาธรรมะเข้ามาในตัวของเราแท้ๆ

๒. ปฏิบัติอย่างจริงใจจริงจัง
วันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๕

จวนเข้าพรรษาแล้ว ทุกคนพากันเตรียมตัว พวกที่ศึกษาเล่าเรียนก็เตรียมตัวศึกษาท่องบ่นประจำ ตั้งใจเรียนจริงๆ ให้เป็นผลประโยชน์ ในพรรษาหนึ่งๆ มันล่วงเลยไปน่าเสียดาย เราเรียนหนังสือไม่หวังเพื่อประโยชน์อย่างใด เพื่อจะศึกษาธรรมวินัยให้เข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจธรรมวินัยแล้วปฏิบัติไม่ถูก อย่างเรื่องอธิกรณ์หรือสังฆาทิเสสอยู่ปริวาสนี้เป็นต้น โดยส่วนมากไม่เข้าใจไม่ว่าสำนักใดๆ ก็ไม่เข้าใจโดยส่วนมาก ไปถามว่าอยู่ปริวาสทำอย่างไร ตอบได้ไปตามตำรา การทำไม่เคยทำอย่างนี้เป็นต้น

ต้องเรียนให้เข้าใจจริงๆ จังๆ การเรียนรู้ถ้าหากว่าไม่ได้ปฏิบัติ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน หรือรู้แต่ไม่ได้เป็นครูสอนก็ไม่แจ่มแจ้ง ต้องรู้ด้วยสอนด้วยจึงจะเข้าใจเมื่อพรรษาหนึ่งๆ มันล่วงเลยไป ไม่ได้อะไรอย่างน้อย ก็ให้ได้ ศึกษาธรรมะให้เข้าใจก็ยังดี ในที่นี้การศึกษาเล่าเรียนประกอบไปด้วย การทำความเพียรในตัว เรียนเพื่ออะไร? ก็เรียนเพื่อกระทำนั่นเอง เรียนธรรมะเพื่อทำ เรียนเท่าไรก็ปฏิบัติอันนี้ เราเรียนด้วยปฏิบัติไปด้วย จึงจะเป็นผลสำเร็จ มิใช่ว่าเรียนไว้แล้วนานๆ จึงจะมาปฏิบัติ เช่นนั้นก็หาไม่

เราคิดถึงว่า การปฏิบัติของเรา มันมีอะไรบ้างเดี๋ยวนี้ที่เราเรียนรู้อยู่นั่น เราได้ปฏิบัติตามไหม? ให้สังเกตดูตัวของเรา ไม่ต้องให้คนอื่นสังเกตเรา สังเกตเอาเองก็แล้วกัน ปฏิบัติได้ข้ออะไรบ้าง ที่เรียนมากมายไม่เอาหมดหรอก เอาแต่ข้อที่เราถนัดแล้วตั้งใจปฏิบัติเอาก่อน ให้ได้ประโยชน์ ให้ได้ผลสมความมุ่งหมายในธรรมะอันนั้น เอาข้อเดียวก็พอ ข้ออื่นมันหากเป็นไปเองหรอก การปฏิบัติเป็นไปพร้อมกับทางปริยัติเป็นการดีมาก ควรที่จะตั้งใจขวนขวาย เราปฏิบัติมาก็เอามาคิดดูปฏิบัติไปพร้อมๆ กัน ไม่เสียผลทั้งสองอย่าง จะเห็นได้ในสำนักของเรา ทุกปีมาผลสอบ บางทียกชั้นเลย บางทีก็ได้มาก อันนี้ก็เพราะปฏิบัติไปด้วยกัน แล้วเรียนเข้าใจด้วย

คราวนี้ผู้ปฏิบัติ เรียนมาแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติเรียนมาเพื่อปฏิบัติไม่ใช่อื่นไกล อย่าทอดทิ้งอย่าปล่อยวาง ปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะแท้ๆ เอาธรรมะเข้ามาในตัวของเราแท้ๆ พุทธศาสนาสอนให้เราปฏิบัติ ก็ไม่ยาก ชาวบ้านชาวเมืองเขาก็สนับสนุนเพราะปฏิบัติ เขาอุตส่าห์พยายามหาให้อยู่หาให้กินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ทุกสิ่งทุกประการ ตลอดทั้งปัจจัยชาติ ทั้ง ๔ อาศัยเขาทั้งหมด เราเป็นผู้อยู่ในศาสนา ขอให้ตั้งใจปฏิบัติ ให้เต็มกำลังสักหน่อย ปฏิบัติอยู่ในสถานที่นี้ก็ตาม หรือจะออกไปอยู่ในสถานที่อื่นก็ช่าง เราฟังเทศน์ฟังธรรมได้ความแล้ว ก็ตั้งใจปฏิบัติด้วยตนเองไม่ต้องให้คนอื่นบังคับ

ทุกคนก็ว่า เรามาตั้งใจบวช บวชแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติ คนอื่นบังคับมันไม่เป็นไปหรอก ปฏิบัติไม่เป็นไป เหมือนกับลูกจ้างนั่นแหละ ให้คนอื่นบังคับจึงค่อยทำ ครั้นตนเองไม่ปฏิบัติแล้วก็แค่นั้น ถึงปฏิบัติก็ทำอย่างเสียไม่ได้ หากปฏิบัติด้วยความเลื่อมใสศรัทธาของตนเอง หวังเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขในการปฏิบัติ จึงจะเป็นไปเพื่อความสงบความเจริญนั้นๆไม่ต้องมุ่งเพื่อมรรคผลนิพพานหรอก ปฏิบัติขั้นต้นนี่แหละ ได้อะไรก็เอาอันนั้น แต่ขอให้จริงใจจริงจังลงไปเถิด มรรคผลนิพพานไม่ต้องเกี่ยวข้อง แล้วมันค่อยเป็นไปเอง

การปฏิบัติไม่ใช่ของง่ายๆ ครูบาอาจารย์ทานปฏิบัติมาตั้ง ๓๐ ปี ๔๐–๕๐ ปี ท่านก็ทำอยู่อย่างนั้น ทำอย่างเดียวนี่แหละ ปฏิบัติกาย วาจา และใจก็ในที่เดียวนี่ทีนี้เรามั่นคงลงไปนี่แหละดีแล้วถูกต้องแล้ว ใช้คำบริกรรมภาวนาลงไปเถิดมันต้องเป็นไปทีเดียว นิสัยวาสนาบุญบารมีของเราจะค่อยส่งเสริม ให้ค่อยเป็นไปถึงบุญบารมีไม่ส่งเสริมมาแต่ชาติก่อนก็ตาม ในชาตินี้เราตั้งใจปฏิบัติจริงจังแล้ว มันก็ให้เป็นบุญบารมีของเราเอง ไม่ต้องให้บุญบารมีมาช่วย ช่วยตัวเองเสียก่อนบุญบารมีจึงจะช่วย นิสัยวาสนามันจะเป็นไปเอง บุญบารมีวาสนาอันนั้นมันจะเป็นเองไม่ได้ ถึงบุญบารมีมีก็เถิด ถ้าตัวเราไม่ทำต่อก็แค่นั้นล่ะ มันก็ไม่สามารถเป็นไปได้หรอก

จึงว่า เราทำเองเราสร้างเองเดี๋ยวนี้แหละ ในปัจจุบันนี้แหละให้เกิดผลขึ้นมา จะมากน้อยเท่าไรก็ได้ชื่อว่าเป็นประโยชน์แก่เรา ครั้นเป็นประโยชน์แก่เรา ก็เป็นประโยชน์แก่คนอื่น การที่ญาติโยมเขาทำบุญทำทาน ด้วยปัจจัยทั้ง ๔ ที่เขาบำรุงรักษา ก็เป็นผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่เขา ถ้าหากว่าเราไม่ตั้งใจปฏิบัติ กินแล้วก็นอนเสียร่าเริงประมาท รับไทยทานปัจจัยชาติทั้ง ๔ ของเขา ท่านว่าเป็นหนี้เขาเขาไม่ได้ทวงหรอก แต่ของอันนั้นมันเป็นของลำลึก ที่เขาตั้งใจทำบุญในผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ แต่เราเลอะเทอะเหลวไหลไม่ตั้งใจปฏิบัติ นั่นแหละเป็นหนี้ไปในตัว เขาไม่ตั้งใจทวงหนี้หรอก แต่เราเป็นหนี้เฉยๆ เป็นหนี้งอย่างแก้ไม่ตกเหมือนกัน ติดไปหลายภาพหลายชาติ กินแล้วนอน กินแล้วนอน ขี้เกียจมักง่าย ไม่ปฏิบัติ

พระพุทธเจ้าทรงเทศนาว่า พระที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติไม่พิจารณา ตังขณิกปัจจเวกขณะ ก่อนฉันนั้น ท่านทรงเปรียบว่า ฉันก้อนเหล็กที่เผาไฟจนร้อนแดงๆ ยังดีกว่าฉันอาหารที่เขาทำบุญนั้น ฉันก้อนเหล็กร้อนแดงๆ ยังดีอยู่กินแล้วตาย กินเข้าไปแล้วมันไหม้ไส้ทะลุลงไปข้างล่างโน่น มันเลยตายยังดีอยู่ ตายแล้วไม่ได้เป็นหนี้เขากินอันพระที่ประมาทเกียจคร้านไม่ประกอบความเพียร ไม่พิจารณา ตังขณิกฯ หรือ ธาตุปฏิกูลปัจจเวกขณะ ไม่พิจารณาปัจจัยชาติทั้ง ๔ มันหลายมื้อ หลายวัน หลายปี หลายเดือน อยู่กว่าจะตาย มันเป็นหนี้เขาเพิ่มเติมอยู่เสมอๆ สะสมหนี้มากเข้าทุกที อันนี้มันร้ายกว่าก้อนเหล็กแดงๆนั่นอีก

เราจึงควรพิจารณา ควรระลึกถึงธรรมอยู่เสมอๆ รับไทยทานสิ่งใดก็ควรระลึกถึงอยู่เสมอ ของที่เราบริโภคใช้สอยมิใช่ของดี มันเป็นไฟ แต่ว่าไฟนั้นถ้าหากเราไม่อาศัย ชีวิตก็เป็นไปไม่ได้ ต้องอาศัยปัจจัยชาติทั้ง ๔ มัน จึงค่อยเป็นไป เหตุนั้น เราจึงอาศัยปัจจัยชาติเพื่อเลี้ยงชีวิตเพื่อบำรุงพระศาสนา จะได้ปฏิบัติฝึกหัดต่อไปหรือบริโภคแต่มิใช่ของดิบของดี แต่เป็นอสุภปฏิกูลเป็นธาตุ ๔ เป็นของสักแต่ว่าธาตุ นั่นแหละ จึงจะพ้นจาการเป็นหนี้ของเขา นักปฏิบัติไม่ควรประมาทให้ระลึกถึงอยู่เสมอๆ เป็นผู้ไม่ประมาท ระลึกถึงอยู่อย่างนี้ ยืน เดิน นั่ง นอน คิดถึงอยู่อย่างนี้การปฏิบัตินั้นได้ชื่อว่า ฝึกหัดกัมมัฏฐานไปในตัว นั่นแหละจึงจะเป็นประโยชน์แก่ตนและเป็นประโยชน์แก่คนอื่น

ทีนี้ สำหรับพระใหม่ผู้มาจากสำนักอื่น ที่ไม่เคยอยู่ที่นี่จะมาอยู่ศึกษาปฏิบัติ ถ้าหากไม่มีครูบาอาจารย์ ไม่มีอุปัชฌาย์พามา ก็ให้มีหนังสือของครูบาอาจารย์จากสำนักมาฝากฝัง ให้เป็นกิจลักษณะนั้นจึงจะสมควรรับอยู่ ไม่ใช่มาอยู่เลื่อนลอย ถ้าหากว่ามันเกิดอะไรขึ้น หากไม่มีคนรับรองนั้นมันยาก ครั้นอยู่ๆไป ประเดี๋ยวก็ขี้เกียจขี้คร้านเบื่อหน่าย ทำความเดือดร้อนให้แก่หมู่เพื่อน ไม่มีใครรับรองมันยากตอนนั้น เหตุนั้นหากว่าใครจะอยู่ต่อไป ให้อุปัชฌาย์อาจารย์มีจดหมายฝากมา หรือให้ทางสำนักเดิมมีหนังสือฝากมานั้น เป็นการสมควรแท้

[จบ โอวาทหลังปาติโมกข์ 02. ปฏิบัติอย่างจริงใจจริงจัง]